บ้านเรา เวลาลดราคาสินค้าต่างๆ เรามักจะเขียนคำว่า “Sales” ตัวโตๆ บนป้ายสีแดงๆ และเขียนไปเลยว่า ลดกี่เปอร์เซนต์ใช่ไหมคะ ชัดเจนและเข้าใจง่ายมาก ทว่า.. หากท่านไปญี่ปุ่น ท่านอาจจะไม่เห็นป้าย Sales หรือลดกี่เปอร์เซนต์เยอะนัก คนญี่ปุ่นจะมีโค้ดลับๆ (บทความนี้ ผู้เขียนขออุทิศกายและใจเขียนขึ้นสำหรับนักเรียนไทยในญี่ปุ่น และขาช้อปทั้งหลาย…) เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ร้านไหน สินค้าชิ้นใด ราคาพิเศษ? บ้านเรา เวลาลดราคาสินค้าต่างๆ เรามักจะเขียนคำว่า “Sales” ตัวโตๆ บนป้ายสีแดงๆ และเขียนไปเลยว่า ลดกี่เปอร์เซนต์ใช่ไหมคะ ชัดเจนและเข้าใจง่ายมาก ทว่า หากท่านไปญี่ปุ่น ท่านอาจจะไม่เห็นป้าย Sales หรือลดกี่เปอร์เซนต์เยอะนัก คนญี่ปุ่นจะมีโค้ดลับๆ (ซึ่งเขาคงไม่ตั้งใจสร้างขึ้นมาหรอก…แต่เราดันอ่านไม่ออกเอง) เป็นตัวอักษรคันจิบ้าง ตัวคาตาคานะบ้าง แต่ไม่เป็นไร….เรามีหลักสังเกตค่ะ! ลองมาดูกันนะคะว่า มีตัวอะไรบ้าง 1. セール (Se-ru: เซหรุ) http://jyusetu.com/big-sale.html คำนี้ หากสังเกตดีๆ ค่ะ ท่านจะเห็นบ่อยมาก เพราะเป็นศัพท์พื้นฐานที่คนญี่ปุ่นใช้ติดป้ายค่ะ “เซ-หรุ” ก็คือ “เซลส์” หรือ “Sale” นั่นเองค่ะ สังเกตเครื่องหมายไฮเฟ่นขีดแนวนอนระหว่างตัวอักษรไว้ค่ะ หากพื้นหลังเป็นสีแดง หรือตัวอักษรเป็นสีแดง ก็ลุ้นว่าน่าจะมีหวังแล้วล่ะค่ะ ต้องมีอะไรลดราคาแน่นอน 2. 半額 (Han-gaku: ฮังกะขุ) คำนี้ สังเกตตัวแรกก็พอค่ะ เหมือนเครื่องหมายไม่เท่ากับ (≠) แต่ลากเส้นแบ่งครึ่งตรงๆ และมีจงอย 2 อันบานออกมา ท่านเห็นความสวยงามของคันจิ 2 ตัวนี้หรือยังคะ ยัง…? งั้นมาดูความหมายค่ะ 半額 แปลว่า ลดราคาครึ่งหนึ่ง เช่น หากสินค้าราคา 1 พันเยน แต่มีสติกเกอร์จงอยตัวนี้ติดอยู่ แปลว่า สินค้าชิ้นนั้นเหลือแค่ชิ้นละ 500 เยนเท่านั้น! ช่างเป็นตัวอักษรคันจิที่เห็นแล้วสร้างความตื่นตาตื่นใจให้พวกเรานักเรียนไทยเป็นอย่างยิ่ง อย่างซูชิแพ็คนี้ ลดจาก 478 เยนเหลือเพียง 239 เยน (หกสิบกว่าบาท) เองค่ะ cr. : http://katsudonist.seesaa.net/article/390887972.html ต้องสารภาพว่า ป้ายนี้ ค่อนข้างเป็น rare item ค่ะ หายากนิดหนึ่ง ยิ่งร้านเสื้อผ้า ต้องรอช่วงหมดฤดูแต่ละฤดู แต่ถ้าไปซูเปอร์มาร์เก็ตตอนดึกๆ สักทุ่มครึ่งกว่าๆ (ร้านเขาปิด 2 ทุ่ม) หรือถ้าเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตแบบถูกๆ อาจเป็นช่วงสองทุ่มครึ่งกว่าๆ ไปแล้ว ท่านจะเริ่มเห็นป้ายจงอยนี้ติดหราไปทั่ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แพ็คซูชิกับซาชิมิค่ะ ที่เห็นบ่อยรองลงมา คือ กับข้าวสำเร็จ นม โยเกิร์ตไฮโซค่ะ ส่วนใหญ่ สินค้าที่มีป้ายฮังกะขุนี้ จึงเป็นสินค้าหรืออาหารอะไรที่เก็บไว้ไม่ได้ หรือนำไปแปรรูปเพื่อทำอย่างอื่นไม่ได้ ร้านญี่ปุ่นเลยจำใจต้องลดถล่มทลายระบายสต๊อกแบบนี้ไปเลยค่ะ 3. ….割 (….Wari:…. วาริ) ตัวนี้เป็นป้ายที่คนไทยไม่เข้าใจแน่นอน ระดับความทรงพลัง อาจมีทั้งมากกว่าหรือน้อยกว่าป้าย 半額 ในข้อแรกค่ะ คำว่า “割(วาริ)” แปลว่า “…..0 เปอร์เซนต์” เช่น 2割 = 20% หรือ 7割=70% อย่างในภาพ ลดกี่เปอร์เซนต์คะ ตอบอาจารย์ซิ? :p เป็นสติกเกอร์ที่ซูเปอร์มาร์เก็ตญี่ปุ่นชอบใช้ค่ะ เอาไปติดบนเนื้อสัตว์ กล่องขนมเค้ก กับข้าวต่างๆ ตัวที่เห็นบ่อยๆ คือ 2割กับ 3割 ส่วนถ้าเป็นตัวเลขแบบนี้ ต้องระวังค่ะ เขาหมายถึงลดไป 50 เยน อย่างซูชิแพ็คนี้ เหลือแค่ 245 เยนเท่านั้น cr. http://tabelog.com/Osaka/A2701/A270107/27085967/ 4. 激安 (Geki-yasu: เกะขิ ยาสุ) คำนี้ ถ้าจำได้ก็ดี ถ้าจำไม่ได้ก็….ไม่เป็นไรนะคะ “เกะขิ ยาสุ” แปลว่า “ถูกมาก” ค่ะ มักจะติดตามป้ายร้าน Discount store ต่างๆ หรือบางที ติดไว้ที่ชั้นวางสินค้าเพื่อบอกว่า สินค้าตัวนี้ราคาพิเศษ ถูกกว่าร้านอื่นค่ะ (พบได้ตามร้านขายยาและร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า) เล็งป้ายนี้ดีๆ ค่ะ อย่างร้านดงกิโฮเต้ ร้านรักคู่มิตรนักช้อปไทย ก็มีคันจิตัวนี้อยู่ cr.tx.english-ch.com 5. わけあり/ 訳あり (Wake-ari: วาเคะ อาหริ) คำนี้ เป็นศัพท์ที่แอ๊ดวานซ์นิดหนึ่งค่ะ แต่เป็นคำที่ดิฉันชอบมาก เวลาเจอแล้วรู้สึกโชคดีส้มหล่น 「訳あり」แปลตรงๆ ว่า “มีเหตุ” กล่าวคือ สินค้าเหล่านี้ ล้วนมี “เหตุ” ที่ทำให้ราคาถูก เช่น ขนมเค้กที่แตกหักระหว่างลำเลียง เลยต้องเอามาแพ็คขายราคาถูก หรือแอ้ปเปิ้ลที่ก้านตรงขั้วหักนิดหนึ่ง ไม่ผ่าน QC (Quality Control) ระดับญี่ปุ่น ก็ถูกเอามาโละขายแบบนี้ค่ะ แถมสินค้าส่วนมากก็เป็นสินค้าคุณภาพพรีเมี่ยมเสียด้วย (เจ้าความพรีเมี่ยมนี่แหละ ทำให้ QC เข้มงวดมาก เลยมีสินค้าไม่ผ่านคุณภาพความเป๊ะเยอะจนต้องเอามาโละขายแบบนี้) หากเราไม่ได้ซื้อสินค้าไปฝากใคร อยากซื้อของดีๆ ราคาถูกมากไว้ทานเอง ดิฉันแนะนำให้ซื้ออย่างรุนแรงค่ะ ใครอยู่ญี่ปุ่นและชอบซื้อของออนไลน์ทาง Rakuten บ่อยๆ ลองสังเกตคำนี้ดีๆ นะคะ ถูก (มาก) และดี มีอยู่จริงค่ะ 6. 売りつくし (Uri-tsukushi: อุริ สุคุชิ) ดิฉันขอแสดงภาพให้ดูก่อนนะคะ ท่านอาจจะแปลไม่ออก แต่สัมผัสถึงความยิ่งใหญ่ของป้ายแผ่นนี้ได้ไหมคะ คำว่า “売りつくし” แปลว่า “ลดล้างสต๊อก” ค่ะ คนญี่ปุ่นมักจะเขียนด้วยฟ้อนท์สไตล์คันจิโบราณ ซึ่งเขาดูว่ามันหนักแน่น ทรงพลัง ดุเดือด ทำให้คนสะดุดสายตาค่ะ หากท่านเจอป้ายนี้ รับรองเลยว่า สินค้าในร้านจะราคาถูกเว่อร์น่ากลัวมาก ดิฉันเคยเห็นเสื้อราคาตัวละ 100 บาทมาแล้ว (อย่าลืมว่า ค่าครองชีพญี่ปุ่นสูงกว่าบ้านเราประมาณ 6-10 เท่านะคะ) ถ้าเจอป้ายคันจิพู่กันสไตล์ดุเดือดแบบนี้เมื่อไร รีบพุ่งเข้าไปเลยค่ะ แต่…..หากเป็นร้านที่ขายกระเป๋าที่ดูเหมือนมาจากอิตาลี หรือมีนาฬิกาข้อมือขาย ลองค่อยๆ เลือก ค่อยๆ ดูสินค้านะคะ มีร้านหนึ่งในเมืองโกเบที่ดิฉันอยู่ เป็นร้านแบบนี้เลย และแปะป้ายลดล้างสต๊อก ลดปิดร้าน ลูกค้าก็เข้าเยอะ แต่ผ่านไป 6 เดือนแล้ว ดิฉันก็ยังเห็นร้านนี้แขวนป้ายเดิมอยู่ ไม่เห็นปิดสักที เลยไม่ค่อยน่าไว้ใจค่ะ ++++ เพียงแค่รู้ศัพท์เล็กๆ น้อยๆ เราก็สามารถอัพเกรดความสามารรถในการเสาะหาสินค้าถูกและดีแล้ว หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อคุณผู้อ่านนะคะ สุดท้ายนี้ ถ้าจำเนื้อหาในบทความหรือตัวคันจิไม่ได้ ก็คอยสังเกตป้ายสีแดงๆ หรือกลุ่มญี่ปุ่นมุงแทนก็แล้วกันค่ะ (TvT) บทความโดย:marumura.com หากชอบบทความของเรา สามารถติดตาม Facebook FanPage ของเราได้
บ้านเรา เวลาลดราคาสินค้าต่างๆ เรามักจะเขียนคำว่า “Sales” ตัวโตๆ บนป้ายสีแดงๆ และเขียนไปเลยว่า ลดกี่เปอร์เซนต์ใช่ไหมคะ ชัดเจนและเข้าใจง่ายมาก ทว่า.. หากท่านไปญี่ปุ่น ท่านอาจจะไม่เห็นป้าย Sales หรือลดกี่เปอร์เซนต์เยอะนัก คนญี่ปุ่นจะมีโค้ดลับๆ (บทความนี้ ผู้เขียนขออุทิศกายและใจเขียนขึ้นสำหรับนักเรียนไทยในญี่ปุ่น และขาช้อปทั้งหลาย…) เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ร้านไหน สินค้าชิ้นใด ราคาพิเศษ? บ้านเรา เวลาลดราคาสินค้าต่างๆ เรามักจะเขียนคำว่า “Sales” ตัวโตๆ บนป้ายสีแดงๆ และเขียนไปเลยว่า ลดกี่เปอร์เซนต์ใช่ไหมคะ ชัดเจนและเข้าใจง่ายมาก ทว่า หากท่านไปญี่ปุ่น ท่านอาจจะไม่เห็นป้าย Sales หรือลดกี่เปอร์เซนต์เยอะนัก คนญี่ปุ่นจะมีโค้ดลับๆ (ซึ่งเขาคงไม่ตั้งใจสร้างขึ้นมาหรอก…แต่เราดันอ่านไม่ออกเอง) เป็นตัวอักษรคันจิบ้าง ตัวคาตาคานะบ้าง แต่ไม่เป็นไร….เรามีหลักสังเกตค่ะ! ลองมาดูกันนะคะว่า มีตัวอะไรบ้าง 1. セール (Se-ru: เซหรุ) http://jyusetu.com/big-sale.html คำนี้ หากสังเกตดีๆ ค่ะ ท่านจะเห็นบ่อยมาก เพราะเป็นศัพท์พื้นฐานที่คนญี่ปุ่นใช้ติดป้ายค่ะ “เซ-หรุ” ก็คือ “เซลส์” หรือ “Sale” นั่นเองค่ะ สังเกตเครื่องหมายไฮเฟ่นขีดแนวนอนระหว่างตัวอักษรไว้ค่ะ หากพื้นหลังเป็นสีแดง หรือตัวอักษรเป็นสีแดง ก็ลุ้นว่าน่าจะมีหวังแล้วล่ะค่ะ ต้องมีอะไรลดราคาแน่นอน 2. 半額 (Han-gaku: ฮังกะขุ) คำนี้ สังเกตตัวแรกก็พอค่ะ เหมือนเครื่องหมายไม่เท่ากับ (≠) แต่ลากเส้นแบ่งครึ่งตรงๆ และมีจงอย 2 อันบานออกมา ท่านเห็นความสวยงามของคันจิ 2 ตัวนี้หรือยังคะ ยัง…? งั้นมาดูความหมายค่ะ 半額 แปลว่า ลดราคาครึ่งหนึ่ง เช่น หากสินค้าราคา 1 พันเยน แต่มีสติกเกอร์จงอยตัวนี้ติดอยู่ แปลว่า สินค้าชิ้นนั้นเหลือแค่ชิ้นละ 500 เยนเท่านั้น! ช่างเป็นตัวอักษรคันจิที่เห็นแล้วสร้างความตื่นตาตื่นใจให้พวกเรานักเรียนไทยเป็นอย่างยิ่ง อย่างซูชิแพ็คนี้ ลดจาก 478 เยนเหลือเพียง 239 เยน (หกสิบกว่าบาท) เองค่ะ cr. : http://katsudonist.seesaa.net/article/390887972.html ต้องสารภาพว่า ป้ายนี้ ค่อนข้างเป็น rare item ค่ะ หายากนิดหนึ่ง ยิ่งร้านเสื้อผ้า ต้องรอช่วงหมดฤดูแต่ละฤดู แต่ถ้าไปซูเปอร์มาร์เก็ตตอนดึกๆ สักทุ่มครึ่งกว่าๆ (ร้านเขาปิด 2 ทุ่ม) หรือถ้าเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตแบบถูกๆ อาจเป็นช่วงสองทุ่มครึ่งกว่าๆ ไปแล้ว ท่านจะเริ่มเห็นป้ายจงอยนี้ติดหราไปทั่ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แพ็คซูชิกับซาชิมิค่ะ ที่เห็นบ่อยรองลงมา คือ กับข้าวสำเร็จ นม โยเกิร์ตไฮโซค่ะ ส่วนใหญ่ สินค้าที่มีป้ายฮังกะขุนี้ จึงเป็นสินค้าหรืออาหารอะไรที่เก็บไว้ไม่ได้ หรือนำไปแปรรูปเพื่อทำอย่างอื่นไม่ได้ ร้านญี่ปุ่นเลยจำใจต้องลดถล่มทลายระบายสต๊อกแบบนี้ไปเลยค่ะ 3. ….割 (….Wari:…. วาริ) ตัวนี้เป็นป้ายที่คนไทยไม่เข้าใจแน่นอน ระดับความทรงพลัง อาจมีทั้งมากกว่าหรือน้อยกว่าป้าย 半額 ในข้อแรกค่ะ คำว่า “割(วาริ)” แปลว่า “…..0 เปอร์เซนต์” เช่น 2割 = 20% หรือ 7割=70% อย่างในภาพ ลดกี่เปอร์เซนต์คะ ตอบอาจารย์ซิ? :p เป็นสติกเกอร์ที่ซูเปอร์มาร์เก็ตญี่ปุ่นชอบใช้ค่ะ เอาไปติดบนเนื้อสัตว์ กล่องขนมเค้ก กับข้าวต่างๆ ตัวที่เห็นบ่อยๆ คือ 2割กับ 3割 ส่วนถ้าเป็นตัวเลขแบบนี้ ต้องระวังค่ะ เขาหมายถึงลดไป 50 เยน อย่างซูชิแพ็คนี้ เหลือแค่ 245 เยนเท่านั้น cr. http://tabelog.com/Osaka/A2701/A270107/27085967/ 4. 激安 (Geki-yasu: เกะขิ ยาสุ) คำนี้ ถ้าจำได้ก็ดี ถ้าจำไม่ได้ก็….ไม่เป็นไรนะคะ “เกะขิ ยาสุ” แปลว่า “ถูกมาก” ค่ะ มักจะติดตามป้ายร้าน Discount store ต่างๆ หรือบางที ติดไว้ที่ชั้นวางสินค้าเพื่อบอกว่า สินค้าตัวนี้ราคาพิเศษ ถูกกว่าร้านอื่นค่ะ (พบได้ตามร้านขายยาและร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า) เล็งป้ายนี้ดีๆ ค่ะ อย่างร้านดงกิโฮเต้ ร้านรักคู่มิตรนักช้อปไทย ก็มีคันจิตัวนี้อยู่ cr.tx.english-ch.com 5. わけあり/ 訳あり (Wake-ari: วาเคะ อาหริ) คำนี้ เป็นศัพท์ที่แอ๊ดวานซ์นิดหนึ่งค่ะ แต่เป็นคำที่ดิฉันชอบมาก เวลาเจอแล้วรู้สึกโชคดีส้มหล่น 「訳あり」แปลตรงๆ ว่า “มีเหตุ” กล่าวคือ สินค้าเหล่านี้ ล้วนมี “เหตุ” ที่ทำให้ราคาถูก เช่น ขนมเค้กที่แตกหักระหว่างลำเลียง เลยต้องเอามาแพ็คขายราคาถูก หรือแอ้ปเปิ้ลที่ก้านตรงขั้วหักนิดหนึ่ง ไม่ผ่าน QC (Quality Control) ระดับญี่ปุ่น ก็ถูกเอามาโละขายแบบนี้ค่ะ แถมสินค้าส่วนมากก็เป็นสินค้าคุณภาพพรีเมี่ยมเสียด้วย (เจ้าความพรีเมี่ยมนี่แหละ ทำให้ QC เข้มงวดมาก เลยมีสินค้าไม่ผ่านคุณภาพความเป๊ะเยอะจนต้องเอามาโละขายแบบนี้) หากเราไม่ได้ซื้อสินค้าไปฝากใคร อยากซื้อของดีๆ ราคาถูกมากไว้ทานเอง ดิฉันแนะนำให้ซื้ออย่างรุนแรงค่ะ ใครอยู่ญี่ปุ่นและชอบซื้อของออนไลน์ทาง Rakuten บ่อยๆ ลองสังเกตคำนี้ดีๆ นะคะ ถูก (มาก) และดี มีอยู่จริงค่ะ 6. 売りつくし (Uri-tsukushi: อุริ สุคุชิ) ดิฉันขอแสดงภาพให้ดูก่อนนะคะ ท่านอาจจะแปลไม่ออก แต่สัมผัสถึงความยิ่งใหญ่ของป้ายแผ่นนี้ได้ไหมคะ คำว่า “売りつくし” แปลว่า “ลดล้างสต๊อก” ค่ะ คนญี่ปุ่นมักจะเขียนด้วยฟ้อนท์สไตล์คันจิโบราณ ซึ่งเขาดูว่ามันหนักแน่น ทรงพลัง ดุเดือด ทำให้คนสะดุดสายตาค่ะ หากท่านเจอป้ายนี้ รับรองเลยว่า สินค้าในร้านจะราคาถูกเว่อร์น่ากลัวมาก ดิฉันเคยเห็นเสื้อราคาตัวละ 100 บาทมาแล้ว (อย่าลืมว่า ค่าครองชีพญี่ปุ่นสูงกว่าบ้านเราประมาณ 6-10 เท่านะคะ) ถ้าเจอป้ายคันจิพู่กันสไตล์ดุเดือดแบบนี้เมื่อไร รีบพุ่งเข้าไปเลยค่ะ แต่…..หากเป็นร้านที่ขายกระเป๋าที่ดูเหมือนมาจากอิตาลี หรือมีนาฬิกาข้อมือขาย ลองค่อยๆ เลือก ค่อยๆ ดูสินค้านะคะ มีร้านหนึ่งในเมืองโกเบที่ดิฉันอยู่ เป็นร้านแบบนี้เลย และแปะป้ายลดล้างสต๊อก ลดปิดร้าน ลูกค้าก็เข้าเยอะ แต่ผ่านไป 6 เดือนแล้ว ดิฉันก็ยังเห็นร้านนี้แขวนป้ายเดิมอยู่ ไม่เห็นปิดสักที เลยไม่ค่อยน่าไว้ใจค่ะ ++++ เพียงแค่รู้ศัพท์เล็กๆ น้อยๆ เราก็สามารถอัพเกรดความสามารรถในการเสาะหาสินค้าถูกและดีแล้ว หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อคุณผู้อ่านนะคะ สุดท้ายนี้ ถ้าจำเนื้อหาในบทความหรือตัวคันจิไม่ได้ ก็คอยสังเกตป้ายสีแดงๆ หรือกลุ่มญี่ปุ่นมุงแทนก็แล้วกันค่ะ (TvT) บทความโดย:marumura.com หากชอบบทความของเรา สามารถติดตาม Facebook FanPage ของเราได้