1.ทำโอทีเยอะมาก!!
ทำไมเลิกงานแล้วไม่มีใครลุกเลยล่ะ!!?
พวกเขาไม่หิวข้าวกันหรอ? ไม่กลับบ้านกันหรอ? ไม่ไปเที่ยวกันหรอ? หรือไม่ไปใช้ชีวิตส่วนตัวกันบ้างหรอ?
อย่างที่ทราบกันดีว่าชาวญี่ปุ่นนั้นทำงานหนักมาก เนื่องจากในสมัยก่อนที่ประเทศญี่ปุ่นนั้นแพ้สงคราม ทำให้เกิดวัฒนธรรม "ความพยายาม" เราต้องพยายามฟื้นฟูเมืองของเรา ต้องทุ่มเทตัวเองให้กับสิ่งที่ทำ เพื่อประเทศ เพื่อองค์กร จนกลายเป็นวัฒนธรรมที่ยังคงหลงเหลือมาจนทุกวันนี้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วคนรุ่นใหม่ก็ไม่ได้เห็นด้วยกับวัฒนธรรมนี้กันซะทีเดียวหรอกค่ะ
พวกเขาอยากกลับแต่เจ้านายยังไม่กลับ พวกเขาก็เลยกลับไม่ได้ค่ะ
ไม่ได้มีใครบังคับพวกเขาแต่สังคมบังคับพวกเขาให้ต้องอยู่ต่อค่ะ
แต่แน่นอนว่าคนที่งานยังไม่เสร็จก็ต้องทำให้เสร็จภายในวันนี้เลยอยู่ต่อก็มีเป็นปกติค่ะ และสิ่งที่หลายคนยังไม่ทราบคือ บริษัทญี่ปุ่นส่วนใหญ่ไม่มีการจ่ายค่าโอทีให้ค่ะ ซึ่งเรียกว่า ซาบิสซังเกียว(サービス残業) แปลว่าการทำงานนอกเวลาฟรีค่ะ หรือในบางที่มีการเขียนไว้ชัดเจนลงในสัญญาว่า ในเงินเดือนรวมค่าโอทีกี่ชม.แล้ว ไม่ว่าคุณจะทำหรือไม่ทำก็ได้เงินเดือนเท่านี้
หากมองในแง่ผู้ประกอบการ เป็นการลดค่าใช้จ่ายที่เกิดจากพนักงานทำงานไม่มีประสิทธิภาพ จงใจเหลืองานไว้ทำในช่วงโอทีแบบประเทศเราค่ะ
หากมองในแง่ของลูกจ้างที่ตั้งใจทำงานจริงๆ เขาทำงานจนดึก แต่ทำไมได้เงินเท่ากับคนกลับบ้านตรงเวลา ก็มีความเหลื่อมล้ำในจุดนี้เช่นกันค่ะ
คนญี่ปุ่นเป็นคนชอบ "ความพยายาม" การที่คุณอยู่ทำงานจนดึกจึงได้รับการยอมรับจากคนญี่ปุ่นค่ะ
ในยุคปัจจุบันจะมีบริษัทหลายแห่งได้ทำการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมนี้แล้วเนื่องจากมีการฆ่าตัวตาย หรือการเสียชีวิตจากการทำงานหนักมามาก บริษัทหลายแห่ง หรือบริษัท SME หลายแห่งได้มีมุมมองว่า "การที่คุณทำงานล่วงเวลาแปลว่าคุณทำงานไม่มีประสิทธิภาพ ไม่สามารถทำงานให้เสร็จภายในเวลาที่กำหนดได้" หรือ "ในเมื่อจำนวนงานมีมากกว่าแรงคน ถือว่างานนี้ไม่สามารถทำให้เสร็จภายในระยะเวลานี้เพราะจำนวนคนไม่เพียงพอ"
2.ระบบอาวุโส
ที่ประเทศไทยเราก็รุนแรงไม่ต่างกัน ที่ญี่ปุ่นก็เช่นกันค่ะ
ระบบอาวุโส ที่คนอายุงานน้อยกว่าจะถึงเชื่อฟังคนอายุงานมากกว่า ยิ่งเป็นองค์กรใหญ่ของญี่ปุ่นแล้วล่ะก็ต่อให้คุณเก่งกาจแค่ไหน การเลื่อนขั้นไวนั้นเป็นไปได้ยากมาก เพราะระบบบริษัทใหญ่ของญี่ปุ่นนั้นเป็นแบบจ้างงานตลอดชีพ คือเลี้ยงจนเกษียณ ไม่มีการไล่พนักงานออก เว้นแต่ทำความผิดร้ายแรง
จึงทำให้มีการเลี้ยงพนักงานที่ไม่มีการพัฒนาอยู่เป็นจำนวนมากเกิดขึ้น แต่แน่นอนว่าการจะเลื่อนขั้นได้นั้นต้องมีความสามารถ ความขยัน และอายุงานร่วมด้วย คนที่ไม่มีการพัฒนาก็ไม่ได้รับการเลื่อนขั้นแน่นอนค่ะ
แต่ฟังแล้วดูไม่มีความยุติธรรมต่อผู้ที่มีความสามารถและพร้อมทำเพื่อบริษัทเลยใช่ไหมล่ะคะ? ทั้งนี้แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคลนั้นๆด้วยเช่นกัน
และระบบนี้ยังวนไปถึงหัวข้อแรกด้วย ที่ว่าพนักงานใหม่ ต้องมาก่อนเวลา ต้องมาถึงก่อนทุกคน ต้องเป็นคนคอยถ่ายเอกสาร ต้อนรับลูกค้าที่มาเยี่ยมบริษัท คอยเสิร์ฟน้ำ เรียกได้ว่าเป็นเบ๊ดีๆนี่เอง อีกทั้งยังต้องกลับช้าที่สุด เพราะต้องแสดงให้เห็นว่าตนพยายามทำงานอยู่ พยายามเรียนงาน ยังอ่อนประสบการณ์จึงต้องพยายามมากกว่าคนอื่น ไม่สามารถกลับก่อนเจ้านายได้จึงทำให้เกิดการทำงานล่วงเวลาที่สูญเปล่าเกิดขึ้น
3.ห้ามปฏิเสธ
วัฒนธรรมการตามน้ำของคนญี่ปุ่นนั้นถือว่าสำคัญมาก ตามน้ำไปก่อนละค่อยว่าอีกที ไม่งั้นจะถูกหาว่าไม่รู้จักกาลเทศะ ทำตัวแปลกแยกจากคนอื่น
คนเหล่านี้จะโดนโจมตีได้ง่าย เพราะถูกมองว่าแปลกแยก เป็นผู้ทำให้บรรยากาศเสีย
อย่างเช่นการปฏิเสธคำชวนการไปดื่มของเจ้านายบ่อยๆ จะมีผลกระทบถึงอนาคตหรือความก้าวหน้าในหน้าที่การงานของคุณ ซึ่งวัฒนธรรมนี้คนสมัยใหม่ก็ไม่ได้ยอมรับกันซะทีเดียว บางคนก็ดื่มไม่ได้ แต่ก็ไปเป็นมารยาทถือว่าเป็นการไม่เสียมารยาท คนเหล่านี้เรียกว่าไปเพื่อเข้าสังคม ไม่ให้เสียบรรยากาศ
หรือว่าจะเป็นการปฏิเสธงานก็แล้วแต่ เราไม่ควรปฏิเสธทั้งทียังไม่ลงมือทำ ให้ตกลงไว้ก่อนแล้วค่อยอธิบายเหตุผลว่าทำไมถึงทำไม่ได้ แสดงให้เขาเห็นถึงความพยายามและความร่วมมือก่อนปฏิเสธ เรียกได้ว่าเป็นการตามน้ำไปค่ะ
4.งานเลี้ยงหลังเลิกงาน
วัฒนธรรมการดื่มของคนญี่ปุ่นนั้นอยู่ในสายเลือด
การกินเลี้ยงกันหลังเลิกงานถือเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของชาวญี่ปุ่น เพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์กันระหว่างบุคคลในบริษัท เมื่อมีแอกอฮอล์เข้าร่างกาย เราก็จะสามารถพูดเปิดใจกันได้ ถกถึงปัญหาในการทำงาน ความพยายามในการทำงาน ได้เรียนรู้ลักษณะนิสัยของคนในบริษัทมากขึ้น นับว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ในบางทีก็เยอะมากจนเราไม่สามารถทำความเข้าใจได้ สุดท้ายก็แค่อยากดื่มกันโดยใช้งบบริษัทเฉยๆใช่ไหม!!?
และในบางประเทศคงจะมีความคิดที่ว่าการไปดื่มสังสรรค์เช่นนี้กับคนในบริษัทเป็นเรื่องที่แปลกมาก เพราะหากมีเวลาไปดื่มเราก็อยากไปดื่มกับเพื่อนหรือคนสนิทของเรา ไม่ใช่เจ้านายหรือคนในบริษัท!! แถมไปจนไม่มีเวลาให้ครอบครัว ไม่มีเวลาให้ลูก เกิดปัญหาครอบครัวตามมา
ไม่เพียงแค่นั้น การดื่มแอกอฮอล์ไม่ดีต่อร่างกายในระยะยาว แถมการไปกับที่บริษัทจนดึกดื่น ทำให้เสียเวลาการพักผ่อน ร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ ก่อให้เกิดผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการทำงานตามมาอีก จึงเป็นเหตุผลที่ชาวต่างชาติไม่สามารถทำความเข้าใจได้เท่าไหร่นัก
5.ชอบทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยากและซับซ้อน
คนญี่ปุ่นนั้นเป็นชาติที่มีระบบการวางแผนชัดเจน ตามprocess 1 2 3 ว่าไป.. เมื่อเราเสนอไอเดียอะไรไป คนญี่ปุ่นจะถามเราว่า นี่มันขั้นตอนไหน? ไม่ใช่ 3 หรอ? ซึ่งเราไม่สามารถรับรู้กับเขาได้.. แถมการรองรับเอกสารต่างๆค่อนข้างมีความวุ่นวาย ต้องผ่านตราประทับ ผ่านการรับรองที่หลากหลายขั้นตอน ก่อนจะถูกอนุมัติ เรื่องที่เสนอไป ก็โดนวนไปวนมาไม่ถึงหัวหน้าใหญ่เสียที เวลาเจรจาธุรกิจด้วย บางทีเหมือนจะง่าย แต่คุยไปคุยมา เหมือนคุยคนละเรื่องเดียวกัน ใครที่ทำงานล่ามภาษาญี่ปุ่น หรือทำงานติดต่อธุรกิจกับคนญี่ปุ่นน่าจะเข้าใจตรงนี้ดีนะคะ.. เพราะคนญี่ปุ่นเป็นคนที่กลัวข้อผิดพลาด จึงมีความรอบคอบในการตัดสินใจมาก ใช้เวลาตัดสินใจไตร่ตรองนานทุกคนคิดว่าตรงข้อไหนกันบ้างคะ? อ่านบทความนี้แล้วอาจจะคิดว่าการทำงานกับคนญี่ปุ่นนั้นมีความยุ่งยากใช่ไหมคะ? จริงๆแล้วข้อดีก็มีอีกเยอะค่ะ ไว้คราวหน้าแอดมินจะมาเสนอเทคนิคการทำงานกับคนญี่ปุ่นให้ทราบกันนะคะ
★ คูปองส่วนลดในการช็อปปิ้งญี่ปุ่น หรือโปรแกรมแปลภาษาสินค้าต้อง IKIDANE App★ iOS / Android ★IKIDANE NIPPON LINE@★
หากชอบบทความของเรา สามารถติดตาม Facebook FanPage ของเราได้
