ไทย
ไทย
TOP
Feature
‘Ikigai’ ความหมายของชีวิต เริ่มจากสิ่งเล็กๆ และการใส่ใจ
2018-07-21

‘Ikigai’ ความหมายของชีวิต เริ่มจากสิ่งเล็กๆ และการใส่ใจ

เราได้กล่าวถึงคำว่า “Ikigai” ของชาวญี่ปุ่นอยู่เนืองๆ ด้วยเหตุที่คำๆ นี้ เป็นคำสั้นๆ ที่มีความหมายลึกซึ้ง และหากสามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตของเราได้แล้ว การใช้ชีวิตในแต่ละวันของเราก็จะมีความสุขและความหมายยิ่งขึ้นเลยทีเดียว เรื่องโดย : ทีมงาน www.marumura.com เราได้กล่าวถึงคำว่า “Ikigai” ของชาวญี่ปุ่นอยู่เนืองๆ ด้วยเหตุที่คำๆ นี้ เป็นคำสั้นๆ ที่มีความหมายลึกซึ้ง และหากสามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตของเราได้แล้ว การใช้ชีวิตในแต่ละวันของเราก็จะมีความสุขและความหมายยิ่งขึ้นเลยทีเดียว แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะค้นหา “ikigai” ของตนเองพบ คำว่า ikigai (生き甲斐) มีความหมายตามรากศัพท์ โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ iki (ikiru) หมายถึง การมีชีวิต gai หมายถึง คุณค่า เหตุผล ประโยชน์ ดังนั้น หากจะแปลให้เข้าใจกันอย่างง่ายๆ ความหมายโดยรวมของคำว่า ikigai ก็คือ “เหตุผลของการมีชีวิตอยู่” แต่คำว่า “ikigai” มีความหมายลึกซึ้งกว่านั้นมาก เพียงแค่แปลตรงๆ จากภาษาญี่ปุ่นตามศัพท์มาเป็นภาษาไทยเช่นนี้ อาจจะไม่สามารถสื่อถึงความหมายที่แท้จริงที่แฝงไว้ทั้ง “ความหมาย” ตามภาษา และ “ความรู้สึก” ของผู้พูดที่ต้องการสื่อออกมาได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม แนวคิดนี้ก็ยังคงเน้นย้ำในการเข้าใจถึง “ความหมายของการมีชีวิตอยู่” เป็นสำคัญ โดยแนวคิดแบบ ikigai นี้ เป็นทั้งในแง่จิตวิทยาและปรัชญาของการใช้ชีวิต ประกอบด้วยการสร้างความสมดุลของ Passion (สิ่งที่คนหลงใหล) Mission (พันธกิจ) Profession (ความถนัดเฉพาะทาง) และ Vacation (งานที่ต้องใช้ทักษะ) ที่ต้องผสมผสานผ่านการกระทำ คือ การทำสิ่งที่รักหรือมีความสุขที่จะทำ การทำประโยชน์ต่อโลก การทำสิ่งที่ถนัด และการทำสิ่งที่สร้างรายได้ หากเราได้ “รู้” ถึงสิ่งเหล่านี้ และ “ทำ” ออกมาได้อย่างพอเหมาะ พอดี แน่นอนว่าทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมา เราก็จะมีความสุขกับการได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักและใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย บางคนจึงกล่าวว่า “ikigai” หมายถึง “เหตุผลที่ทำให้เราอยากลืมตาตื่นขึ้นมา”
นี่เป็นเหตุผลว่า หากเรายังไม่รู้ว่าเกิดมาทำไม สิ่งที่จะต้องเรียนรู้ให้ได้อย่างหนึ่งเลย ก็คือ “ikigai” หาให้ได้ว่า เหตุผลของการมีชีวิตอยู่ของเรานั้น คืออะไร และหากจะกล่าวถึงการให้ได้มาซึ่ง ikigai หรือวิธีหาเหตุผลของการมีชีวิตอยู่ของเรานั้น ก็สามารถใช้แนวทางปฏิบัติหลักๆ ที่เรียบง่ายและเป็นไปได้ (หากถ้าตั้งใจและใส่ใจจริงที่จะทำ) ดังนี้ (1) เริ่มจากสิ่งเล็กๆ – ลงมือจากพื้นฐานง่ายๆ ก่อน (2) ปล่อยวางตัวตน – ลดอัตตา คิดถึงตัวเองให้น้อยลง (3) เป็นสิ่งเดียวกับสิ่งรอบข้าง – ทั้งผู้คน สภาพแวดล้อม และธรรมชาติ (4) มีความสุขจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ (5) อยู่กับปัจจุบัน – นาทีนี้ วินาทีนี้
‘ทำสิ่งที่ทำแล้วมีความสุข’ จะเห็นได้ว่า การค้นหา ikigai นั้น ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ ไม่ต้องใช้ท่ายาก ไม่ต้องหาเวลา ทุกวินาที เราทุกคนก็สามารถทำได้
‘ทำสิ่งที่ตัวเองมีทักษะ’ และที่สำคัญ หากพิจารณาแบบผิวเผิน เราก็อาจจะคิดว่า “ikigai” เป็นเรื่องส่วนบุคคล ที่จะต้องเรียนรู้และนำไปปฏิบัติด้วยตนเองเท่านั้น แต่สำหรับชาวญี่ปุ่นที่รู้จักกับ ikigai แล้ว จะรู้เลยว่า ikigai เป็นแนวคิดเชิงสังคม เพราะทุกคนก็อยากจะมีชีวิตที่มีความหมาย มีความสุข เช่นกัน จึงไม่น่าแปลกใจที่ในประเด็นหลักของ ikigai นั้น จะหมายรวมถึงการทำสิ่งที่มีความสุข และทำสิ่งที่มีประโยชน์กับคนอื่นอยู่ด้วย เห็นได้ชัดเลยว่าหากสังเกตดีๆ ภาพรวมของสังคมญี่ปุ่น ที่ยังคงความมีระเบียบอยู่มากได้ ก็น่าจะเพราะมี ikigai ซึมซับอยู่ในจิตใจของแต่ละคนด้วย
‘ทำเพื่อคนอื่น’ เราทุกคนสามารถดำเนินชีวิตด้วย ikigai ผ่านการกระทำ การกิน การนอน การทำงาน การใช้ชีวิตในแต่ละวันได้อย่างอิสระ โดยที่ ikigai ของแต่ละคนนั้นก็ไม่เหมือนกัน เพราะเหตุผลที่แฝงอยู่ที่จะก่อให้เกิดความสมดุลใน ikigai ของแต่ละคนย่อมต่างกัน
‘ทำในสิ่งที่สร้างรายได้’ เช่น หากเรามีความสุขกับการได้กินข้าวไข่เจียวแสนอร่อยฝีมือคุณแม่ในทุกเช้า เราก็อาจจะคิดว่า … สักวันหนึ่ง เราจะทำข้าวไข่เจียวสูตรคุณแม่ไปเลี้ยงน้องๆ ที่บ้านเด็กกำพร้าเพื่อให้ได้เห็นรอยยิ้มของเด็กๆ เพื่อความอิ่มเอมใจของตัวเอง ในขณะที่บางทีเราอาจจะอยากเปิดแฟรนไซส์ข้าวไข่เจียวสูตรคุณแม่จนโด่งดัง มีเงินทอง ให้คุณแม่ภูมิใจก็ได้ ทำอย่างไรแล้วมีความสุข ก็เป็น ikigai ของแต่ละคน
หลายสิ่งในชีวิตรอบตัวเราในปัจจุบัน ล้วนเกิดจาก ikigai ของใครสักคน ไม่ว่าจะเป็นศูนย์การค้าที่ตอบสนองทุกความชอบ เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์ความสุขให้กับใครสักคน เพราะมีทั้งร้านอาหาร สปา ศูนย์ออกกำลังกาย บางแห่งก็มีกิจกรรมนันทนาการแปลกๆ ที่คนส่วนใหญ่มองข้าม ทั้งลานสเก็ต ฝึกเล่นสกี ปีนหน้าผาจำลอง ฯลฯ นอกจากนี้ก็ยังเป็นศูนย์การเรียนรู้ที่หลากหลาย มีโรงเรียนสอนภาษา ศิลปะ ดนตรี กีฬา ฝึกอาชีพ ฯลฯ ที่ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ ก็มาเพิ่มพูนความรู้กันได้ เป็นต้น และถ้าพูดถึงที่พักอาศัยสไตล์คนเมืองยุคนี้ก็ต้องคอนโด เดี๋ยวนี้มีการนำเสนอคอนเซ็ปแบบญี่ปุ่นอยู่เยอะมาก เพราะเสน่ห์หลายๆ อย่างของที่พักสไตล์นี้ อย่างเช่นที่โครงการปีติ (PITI EKKAMAI) ของเสนาที่ร่วมมือกับฮันคิวบริษัทอสังหาฯ ยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น ถึงกับนำแนวคิดเรื่อง “ikigai” มาเป็นตัวเอกในการนำมาพัฒนาและปรับใช้กับทุกรายละเอียดของพื้นที่ภายในโครงการ ตั้งแต่ห้องพักอาศัยไปจนถึงพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ การสร้าง IKIGAI Room ห้องบรรยากาศเงียบสงบ กลางวิวเมืองชั้น 37 ที่ช่วยให้มีความสุขกับการอยู่กับตัวเอง มีสมาธิ เพื่อคิดสร้างสรรค์สิ่งที่จะมีคุณค่า นำเสนอความสะดวก สบายอย่างเต็มพลังมีอาคาร Third Place ส่วนตัวอยู่ด้านหน้าโครงการ และถึงแม้จะอยู่กลางเมืองย่านเอกมัย แต่ก็เน้นให้ผู้อยู่อาศัยได้มีความสุขกับสิ่งละอันพันละน้อย มุมพักผ่อนต่างๆ รวมไปถึงการจัดแสงเงาเพื่อการผ่อนคลาย และสามารถใช้ชีวิตที่เรียบง่ายภายในคอนโดหรูได้อย่างสมดุล ทำให้ทุก moment ของผู้อาศัยมีคุณค่า
แม้แต่สมาร์ทโฟน ที่ทำให้คนในครอบครัวได้สื่อสารกันทุกวัน เปิด video call เห็นหน้ากันได้ รู้สึกผูกพันใกล้ชิดกันได้แม้อยู่ห่างไกล ส่วนคนขี้เหงา ก็ยังมี siri เป็นเพื่อนคุย นี่ก็เป็นตัวอย่างของความสุขทางใจเล็กๆ ที่หลายคนจะขาดเสียไม่ได้ ก็ต้องตอบโจทย์ด้วยตัวช่วยบางอย่าง จะเห็นได้ว่าสิ่งต่างๆ มากมายรอบตัวเรา ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นมาเพื่อตอบสนองส่วนหนึ่งส่วนใดของ ikigai ของใครสักคน และถ้าหากเรารู้ว่า ikigai ของเราคืออะไร เราก็จะไม่หลงทาง แล้วก็จะสามารถเลือกใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขกับสิ่งเล็กๆ ที่เรามี ประสบการณ์เล็กๆ ที่เราเจอ เพื่อสิ่งยิ่งใหญ่ที่เราต้องการ ทำแล้วมีความสุข … เรื่องโดย : ทีมงาน www.marumura.com หากชอบบทความของเรา สามารถติดตาม Facebook FanPage ของเราได้
Let us know if there is something that needs to be fixed: Feedback Form